แนะนำ “ภาษาคอมพิวเตอร์” ที่บริษัทต้องการ สำหรับคนหางานในญี่ปุ่น

คุณเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเมอร์ที่กำลังหางานในญี่ปุ่นอยู่หรือเปล่า? หากใช่ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่คุณควรจะมีก็คือ ข้อมูลที่สามารถบอกได้ว่าทักษะไหนกำลังเป็นที่ต้องการของบริษัท ในบทความนี้ เราได้ทำการจัดอันดับ 10 ภาษาโปรแกรมที่กำลังเป็นที่ต้องการในญี่ปุ่นมาให้คุณแล้ว โดยเราจะจัดเรียงตามความต้องการในตลาดและอัตราค่าจ้างโดยเฉลี่ย มาดูกันว่าพรสวรรค์ของคุณนั้นสามารถทำเงินในญี่ปุ่นได้เท่าไร!
Oyraa

ความต้องการโปรแกรมเมอร์ของญี่ปุ่นในปัจจุบัน

PIXTA

อุตสาหกรรมไอทีของญี่ปุ่นกำลังเติบโตแบบทบเท่าทวีคูณ มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าญี่ปุ่นจะต้องการแรงงานมากถึง 1.6 ล้านคนในช่วงปี 2030 แต่ญี่ปุ่นในตอนนี้ก็กำลังตกอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงานมีฝีมือเช่นกัน โดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่นได้กล่าวเอาไว้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่จำเป็นถึง 790,000 คนในปี 2030

ดังนั้น บริษัทกลุ่มเทคโนโลยีในประเทศญี่ปุ่นจึงเริ่มมีการว่าจ้างชาวต่างชาติที่มีฝีมือจำนวนมาก เพื่อประคับประคองบริษัทให้ยังคงอยู่ต่อไปได้ และในปี 2017 ที่ผ่านมา ก็มีแรงงานชาวต่างชาติกว่า 50,000 คนที่ทำงานอยู่ในวงการอุตสาหกรรมไอทีของญี่ปุ่น นับเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากปี 2008 ถึง 3 เท่า และเนื่องจากอุตสาหกรรมนี้ยังคงเติบโตและก้าวหน้า กระแสความต้องการบุคลากรจึงจะยังคงอยู่ต่อไป

และเวลานี้ก็ถือเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการหางานอย่างมาก!

ตัวเลขสถิติมาจากเว็บไซต์ต่อไปนี้:
#1 #2 #3

ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ญี่ปุ่นกำลังต้องการ (ปี 2020)

PIXTA

ถึงแม้จะมีประสบการณ์และความสามารถมากแค่ไหน ก็ควรจะรู้ไว้ก่อนว่าทักษะไหนกำลังเป็นที่ต้องการก่อนจะเปลี่ยนสายงาน ข้อมูลด้านล่างนี้คือจำนวนประกาศรับสมัครบุคลากรในแต่ละภาษาคอมพิวเตอร์ เป็นข้อมูลที่เรานำมาจาก 11 เว็บบอร์ดหางานที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

ภาษาคอมพิวเตอร์จำนวนงานที่ประกาศรับสมัคร
1. Java11,526
2. JavaScript7,472
3. PHP7,383
4. C#6,067
5. C++5,391
6. C5,264
7. Python4,501
8. Ruby3,340
9. Swift1,660
10. Visual Basic1,193
HRog

จากตารางจะเห็นได้ว่า Java เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่บริษัทต้องการมากที่สุด เพราะมีประกาศรับสมัครงานในญี่ปุ่นมากถึง 11,526 โพสต์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ Java เป็นภาษาหลักของแพลตฟอร์มหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและมือถือ หรือภาษาสคริปต์แบบเซิร์ฟเวอร์ไซด์ (Server-side) สำหรับการพัฒนาโปรแกรมในส่วนของหลังบ้าน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีความต้องการบุคลากรที่เชี่ยวชาญภาษานี้อย่างมหาศาลทั่วโลก (ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น) มีบริษัทญี่ปุ่นใหญ่ๆ หลายแห่งที่นำเสนองานพัฒนาระบบโดยใช้ Java รวมถึง Casareal, Stylez และ System Shared ด้วย

อันดับที่สอง คือ JavaScript ที่มีประกาศรับสมัครงานถึง 7,472 โพสต์ ภาษานี้ถือเป็นทักษะการเขียนโปรแกรมพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้อินเทอร์เน็ตทำงานได้อย่างราบรื่น ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทเทคโนโลยีส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นภาษาที่ใช้ในการสร้างปฏิสัมพันธ์เว็บไซต์ และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างตัวเว็บฯ, แอปฯมือถือ, เซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์, เซิร์ฟเวอร์ของแอปฯ รวมถึงใช้ในการพัฒนาเกมด้วย เรียกได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญ JavaScript ในญี่ปุ่นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะตกงานเลย

ภาษา PHP ตามมาเป็นอันดับที่สาม ด้วยประกาศรับสมัครงานจำนวน 7,383 โพสต์ ในปัจจุบันมีเซิร์ฟเวอร์บนอินเตอร์เน็ตที่ใช้ภาษา PHP อยู่ถึง 79.1% และจัดเป็นภาษาแบบเซิร์ฟเวอร์ไซด์ที่นิยมใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในญี่ปุ่น

ลิสต์ข้างต้นนี้ค่อนข้างคล้ายกับการจัดอันดับทั่วโลกอยู่พอสมควร เพราะจากการสำรวจทั่วโลกของ CodinGame ในปี 2021 ได้เผยว่าทักษะภาษาที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดอันดับหนึ่ง คือ JavaScript ตามมาด้วย Java และ Python

ถึงแม้ว่าทั่วโลกจะมีความต้องการบุคลากรผู้เชี่ยวชาญภาษา Kotlin (ภาษาที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Java) ค่อนข้างสูง แต่ก็ยังไม่ใช่กับประเทศญี่ปุ่น

ภาษาคอมพิวเตอร์ที่เงินดีที่สุดในญี่ปุ่น (ปี 2020)

เราได้ทราบภาษาคอมพิวเตอร์ที่เป็นที่ต้องการที่สุดในญี่ปุ่นกันไปแล้ว ต่อไป ก็ได้เวลาพูดถึงค่าตอบแทนกันบ้าง ลิสต์ด้านล่างนี้เป็นข้อมูลจากเว็บ HRog ที่ได้จัดอันดับภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีค่าตอบแทนสูงที่สุดในญี่ปุ่นของปี 2020 เอาไว้ 

ภาษาคอมพิวเตอร์รายได้โดยเฉลี่ยต่อปี (จำนวนเงินขั้นต่ำของแต่ละภาษา)
1. R 4,747,434 เยน
2. Go 4,634,384 เยน
3. TypeScript 4,605,892 เยน
4. Scala 4,598,970 เยน
5. Kotlin 4,521,563 เยน
6. Python 4,353,952 เยน
7. Swift 4,250,388 เยน
8. JavaScript 4,112,702 เยน
9. Ruby 4,106,936 เยน
10. Objective-C 3,959,733 เยน
Hrog

อันดับที่หนึ่ง ได้แก่ ภาษา R ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.7 – 8.3 ล้านเยนต่อปี ภาษา R เป็นภาษาที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์สถิติโดยเฉพาะ มักจะใช้ในการสร้างระบบการเรียนรู้ของเครื่องจักรและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล
การจะเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษานี้ได้ต้องอาศัยความเข้าใจเรื่องสถิติอย่างลึกซึ้ง ผู้ที่คุ้นเคยกับภาษา R จึงได้ผลตอบแทนสูง หากกลับไปดูในตารางแรกก็จะพบว่ามีประกาศรับสมัครงานผู้ใช้ภาษา R ในญี่ปุ่นอยู่กว่า 1,056 โพสต์เลยทีเดียว

อันดับที่สอง ได้แก่ ภาษาคอมพิวเตอร์ Go ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 4.6 – 7.9 ล้านเยน ภาษานี้ได้รับการพัฒนาโดย Google ในปี 2009 และเป็นภาษาที่มีความสามารถในการประมวลผลพร้อมกันด้วยความเร็วสูงซึ่งสามารถรับมือกับการพัฒนาโปรแกรมหลังบ้านได้เป็นอย่างดี ภาษา Go ถูกใช้โดย Google ควบคู่กันไปกับบริษัทญี่ปุ่นใหญ่ๆ อีกหลายแห่ง รวมถึง CyberAgent, Kyash และ Eureka จากตารางที่แล้วจะเห็นได้ว่ามีการประกาศรับสมัครผู้ใช้ภาษา Go อยู่ 932 โพสต์

อันดับสาม ได้แก่ TypeScript ด้วยรายได้ 4.6 – 7.8 ล้านเยน ภาษานี้ถูกสร้างขึ้นโดย Microsoft สำหรับใช้พัฒนาโปรแกรมในส่วนหน้าบ้าน โดยตั้งใจออกแบบมาเพื่อทดแทนข้อบกพร่องของ JavaScript และในปี 2017 ทาง Google ก็ได้ตั้งให้ภาษา TypeScript เป็นภาษามาตรฐาน จึงได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ และนับแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทผู้ให้บริการชื่อดังในญี่ปุ่นอย่าง BizReach และบริษัทจัดหางาน Persol Career ก็หันมาใช้งานภาษานี้ด้วยเช่นกัน

PIXTA

โดยรวมแล้ว การจัดอันดับนี้ถือว่าต่างจากทั่วโลกอยู่พอสมควร เพราะจากการสำรวจอุตสาหกรรมไอทีทั่วโลกในปี 2020 โดย Stack Overflow พบว่า ผู้ใช้ภาษา R และ Typescript จะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ในระดับกลางเท่านั้น ในขณะที่รายได้ของภาษา Go และ Scala จะค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ภาษายอดนิยมในระดับโลกอย่าง Perl กลับไม่เป็นที่กล่าวถึงในญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ

แรงงานต่างชาติจะได้เงินเดือนเท่ากันไหม?

ถึงแม้คุณว่าจะมีความสามารถ แต่เราขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งคาดหวังเงินเดือนสูงๆ ตั้งแต่ช่วงแรกของการทำงาน เนื่องจากญี่ปุ่นมีธรรมเนียมให้แรงงานอายุน้อยเริ่มต้นด้วยรายได้ที่น้อยกว่าคนอาวุโสในตำแหน่งเดียวกัน แต่ก็จะมีการขึ้นเงินให้ทีละน้อย รวมถึงการจ่ายโบนัสเพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานบริษัทต่อไปนานๆ
ดังนั้น ทาง Creative Village จึงได้ข้อสรุปมาว่า โปรแกรมเมอร์ชาวญี่ปุ่นอายุ 25 – 29 ปีจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 4 ล้านเยนต่อปี ในขณะที่คนอายุ 55 – 59 ปีจะมีรายได้สูงสุดอยู่ที่ 5.8 ล้านเยน

อย่างไรก็ตาม เงินเดือนของวิศวกรซอฟต์แวร์และโปรแกรมเมอร์ชาวต่างชาติอาจแตกต่างกันไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากการสำรวจปี 2020 พบว่ามีวิศวกรซอฟต์แวร์ชาวต่างชาติในญี่ปุ่นที่ได้รับเงิน 4 – 7.9 ล้านเยนต่อปีอยู่ประมาณ 47% ในขณะที่อีก 8% นั้นสามารถทำเงินได้มากกว่า 14 ล้านเยน จะเห็นได้ว่าแตกต่างกันมาก เนื่องจากรายได้โดยเฉลี่ยของวิศวกรซอฟต์แวร์ชาวญี่ปุ่นในช่วงที่พีคที่สุด (อายุ 50 ปี) จะอยู่ที่ประมาณ 6.3 ล้านเยน

ผลสำรวจเดียวกันนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า บริษัทญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินเดือนให้น้อยกว่าบริษัทที่ไม่มีหน่วยงานของญี่ปุ่นมากๆ
เมื่อเทียบกับบริษัทที่มีสาขาย่อยในต่างประเทศหรือธุรกิจที่มีเจ้าของคนเดียวแล้ว ก็ดูเหมือนว่าบริษัทต่างชาติจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้สูงในช่วงแรก [ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ไกชิเก” (外資系)] มากกว่าบริษัทญี่ปุ่นแท้ๆ

อย่างไรก็ตาม รายได้ของวิศวกรต่างชาติก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์เช่นเดียวกับชาวญี่ปุ่น และโดยปกติแล้ว พนักงานก็จะได้รับการขึ้นเงินเดือนแบบก้าวกระโดดหลังจากทำงานเกิน 5 ปี และในกรณีของผู้ที่ยังกังวลเรื่องทักษะการใช้ภาษาญี่ปุ่น ผลการสำรวจก็ได้ชี้ว่ามีวิศวกรซอฟต์แวร์ชาวต่างชาติที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลยหรือได้เพียงระดับพื้นฐานอยู่กว่า 30% กล่าวได้ว่า คุณสามารถทำงานในญี่ปุ่นได้ แม้จะไม่มีความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่นเลยก็ตาม

หากอยากทำงานในญี่ปุ่น ควรศึกษาภาษาคอมพิวเตอร์ตัวไหน?

ถึงตรงนี้คุณก็อาจจะมีคำถามว่า แล้วภาษาคอมพิวเตอร์ตัวไหนที่จะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการทำงานที่ญี่ปุ่น ดังนั้น เรามาแบ่งกันอย่างนี้ดีกว่า:

รายได้พอสมควร / มีโอกาสสูง: Java, C languages, PHP, Ruby

รายได้สูง / มีโอกาสจำกัด: R, Go, TypeScript, Scala, Kotlin

รายได้มั่นคงถึงสูง / มีโอกาสสูง: JavaScript, Python

ข้อมูลนี้ได้แสดงให้เห็นว่า Java, ภาษา C, PHP ฯลฯ นั้นมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น จึงมีโอกาสได้งานที่มาพร้อมกับรายได้ที่เหมาะสมอยู่มาก นอกจากนี้ ภาษา Ruby ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกลับกำลังเสื่อมความนิยมลงทั่วโลก แต่ในทางกลับกัน ภาษาอย่าง R, Go, TypeScript, Scala และ Kotlin กลับมีโอกาสในการสร้างรายได้สูงมากถึงแม้จะยังไม่เป็นที่ต้องการในตลาดหางานของญี่ปุ่นมากนัก

อย่างไรก็ตาม ดัชนีตัวบ่งชี้ความนิยมของภาษาโปรแกรมที่จัดทำโดย TIOBE (TIOBE programming community index) ได้ชี้ให้เห็นว่าภาษา R ได้กระโดดจากอันดับที่ 20 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 8 ได้ภายในปีเดียว หากใครอยากลองเสี่ยงที่จะก้าวขึ้นมาอย่างผู้ชนะแล้วล่ะก็ นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีก็ได้

ภาษาที่ดูจะมีสมดุลที่ดีที่สุดเห็นจะเป็น JavaScript ด้วยรายได้ที่อยู่ในอันดับ 8 และความต้องการในอันดับที่ 2 อีกทั้งยังติด 10 อันดับแรกของ TIOBE อย่างต่อเนื่องมานานตลอดหลายปี และเป็นที่ชื่นชอบของบริษัทนานาชาติชื่อดังอย่าง Microsoft, PayPal, Netflix ถือเป็นภาษาที่ไม่มีท่าทีว่าจะลดความนิยมในระดับโลกลงแต่อย่างใด ส่วน Python ก็สูสีกัน ดังที่เราจะเห็นได้ว่ามีรายได้สูงเป็นอันดับ 6 และความต้องการอยู่ในอันดับ 7

ไขว่คว้าหางานในฝันที่ญี่ปุ่น!

PIXTA

ประเทศญี่ปุ่นเต็มไปด้วยโอกาสในการทำงาน แต่การโดดลงไปทั้งตัวด้วยชุดทักษะที่ผิดก็อาจจะนำไปสู่ความความผิดหวังได้ เราจึงอยากให้คุณศึกษาให้มั่นใจว่าความสามารถของคุณนั้นตรงกับความต้องการและความเข้าใจในเรื่องการเติบโตของรายได้หรือไม่ และมันจะเป็นสิ่งสำคัญในการไขว่คว้าหาความสำเร็จในอาชีพการงานเลยทีเดียว สุดท้ายนี้ เราขอคุณให้โชคดีกับการหางานนะ!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

Oyraa
0 Shares: