แนะนำ! เมืองใหญ่แสนน่าอยู่นอกโตเกียว

final_best-cities-thumbnail
คุณอาจคิดว่าโตเกียวเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและศูนย์รวมวัฒนธรรม แต่อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีแค่เมืองนี้เมืองเดียว ยังมีสถานที่แสนพิเศษที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยอีกมากมายทั่วญี่ปุ่น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 10 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่อาศัย (นอกจากโตเกียว) ตามการจัดอันดับของสถาบันโมริ หากพร้อมแล้วก็ไปหาเมืองในฝันของคุณกันเลย!
Oyraa

สารบัญ

  1. ประเทศนคร
  2. สถาบันโมริ
  3. 10 อันดับเมืองน่าอยู่ทั่วญี่ปุ่น
    1. 1. เกียวโต
    2. 2. โอซาก้า
    3. 3. ฟุกุโอกะ
    4. 4. โยโกฮาม่า
    5. 5. นาโกย่า
    6. 6. โกเบ
    7. 7. เซนได
    8. 8. คานาซาว่า
    9. 9. ซัปโปโร
    10. 10. มัตสึโมโตะ
  4. เมืองที่เด่นเป็นที่สุดในแต่ละด้าน
    1. ด้านธุรกิจ
    2. ด้านการวิจัย/การศึกษา
    3. ด้านวัฒนธรรม
    4. ด้านวิถีชีวิตชุมชน
    5. ด้านสิ่งแวดล้อม
    6. ด้านการเดินทาง
    7. เมืองสำหรับคนโสด
    8. เมืองสำหรับครอบครัว
    9. เมืองสำหรับนักท่องเที่ยว
  5. แล้วคุณล่ะอยากอยู่ในเมืองแบบไหน?

ประเทศนคร

Tokyo at night
marcobrivio.photo / Shutterstock

ประเทศญี่ปุ่นมีประชากรอาศัยอยู่ถึง 126 ล้านคน เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 11 ของโลก และ 67.3% ของจำนวนทั้งหมดนี้ก็อาศัยอยู่ในเขตที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น

ในสังคมเมืองแห่งนี้ กว่า 37 ล้านคนหรือ 32% ของจำนวนชาวเมืองทั้งหมดอาศัยอยู่ในเขตโตเกียว โตเกียวจึงไม่ได้เป็นเพียงเมืองที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นหัวใจของการค้า อุตสาหกรรม และวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วย

ด้วยเหตุนี้โตเกียวจึงเป็นเมืองที่แออัดอย่างมาก ด้วยความหนาแน่นของประชากรถึง 15,000 คนต่อตารางกิโลเมตร ไม่ว่าคุณจะเดินไปที่ไหนหรือทำอะไรก็จะเจอแต่ผู้คนเต็มไปหมด อีกทั้งเพราะมีความต้องการในการอยู่อาศัยสูงมาก ค่าครองชีพจึงสูงมากตามไปด้วย การจะหาที่อยู่ที่ราคาพอเอื้อมถึงจึงต้องใช้เวลามากพอสมควร

การได้รับความสนใจอย่างล้นหลามเช่นนี้นับว่าไม่แปลกเลยสำหรับเมืองที่เป็นศูนย์กลางของประเทศญี่ปุ่น แต่การให้ความสนใจกับเมืองใหญ่เมืองเดียวก็มักจะทำให้หลายคนมองไม่เห็นตัวเลือกอื่นๆ ที่อีกกว่า 68% ของประชากรเมืองอาศัยอยู่ และก็ได้เวลาที่เราจะเริ่มหันไปสนใจเมืองเหล่านี้บ้างแล้ว

ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำ 10 เมืองน่าอยู่นอกเหนือจากโตเกียว พร้อมทั้งเมืองที่เป็นที่สุดในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ วัฒนธรรม ครอบครัว ฯลฯ ซึ่งสถาบันโมริเป็นผู้ทำการจัดอันดับไว้

สถาบันโมริ

Tokyo panorama
voyota / Shutterstock

สถาบันโมริ (Mori Institute) เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมเมืองในอุดมคติอย่างยั่งยืนเนื่องจากหลายๆ เมืองในประเทศญี่ปุ่นได้เติบโตและพัฒนาเป็นเมืองใหญ่กันแล้ว ทางสถาบันได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเสน่ห์ของเมืองทั่วญี่ปุ่นนอกเหนือจากโตเกียวอย่างจริงจัง และทำการจัดอันดับตามประเภท ซึ่งเรียกว่า Japan Power Cities โดยหวังให้ผู้คนหันมาสนใจเมืองเหล่านี้ด้วย

เมืองทั้ง 109 แห่งที่ได้รับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาดังกล่าวจะได้รับการประเมินตามหัวข้อเหล่านี้:

  • ธุรกิจ
  • การวิจัย
  • สถาบัน/การศึกษา
  • วัฒนธรรม
  • ชีวิตในชุมชน
  • สิ่งแวดล้อม 
  • การขนส่งสาธารณะและการเดินทาง

เมื่อเปรียบเทียบตามด้านต่างๆ แล้ว ก็จะคัดเลือกเมืองที่เป็นที่สุดในด้านนั้นๆ มาจัดอันดับ ในบทความนี้ เราจะมาดู 10 เมืองที่ได้รับการคัดเลือกพร้อมบอกเหตุผลให้ได้ทราบกัน

10 อันดับเมืองน่าอยู่ทั่วญี่ปุ่น

1. เกียวโต – ศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมดั้งเดิม

Kyoto Higashiyama District
Sean Pavone / Shutterstock

อดีตเมืองหลวงญี่ปุ่นที่พัฒนาขึ้นอย่างมากจนกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัย เกียวโตมีสมบัติทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก จึงกลายเป็นอันดับต้นๆ ในแง่ของการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมีทั้งวัด ศาลเจ้า และสถาปัตยกรรมโบราณให้คุณได้ออกไปสำรวจอยู่เสมอ

แม้ภายนอกเกียวโตจะผูกอยู่กับวัดและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ แต่ที่จริงแล้วก็เป็นเมืองที่พัฒนาขึ้นจนทันสมัยอย่างเต็มตัว มีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำ การขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังเดินทางไปยังส่วนอื่นของประเทศได้อย่างง่ายดาย อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้คะแนนของเมืองนี้นำโด่งก็คงไม่พ้นธุรกิจที่ผูกพันอยู่กับการท่องเที่ยวและการสนับสนุนงานวิจัยอย่างเข้มข้น ที่นี่มีสถาบันวิจัยและสถานศึกษาชื่อดังอยู่หลายแห่ง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังหาที่ศึกษาต่อ หากไม่นับโตเกียว เกียวโตจึงเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดนั่นเอง

สถิติน่ารู้:

  • จำนวนประชากร*: 1,458,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 2.8 ล้าน)
  • ความหนาแน่น: 1,700/km2 
  • ค่าครองชีพ*: ต่ำกว่าโตเกียว 4%

*ข้อมูลประชากรในบทความนี้อ้างอิงจากสถิติของเทศบาล ณ เดือนตุลาคม ปี 2020 โดยปัดเศษเป็นหลักพันที่ใกล้เคียงที่สุด ส่วนค่าครองชีพคำนวณโดยประมาณโดยใช้ ข้อมูลจากรัฐบาล ปี 2018

2. โอซาก้า – เมืองหลวงแห่งภาคตะวันตก

Osaka dotonburi
Avigator Fortuner / Shutterstock

อันดับ 2 ของเรา คือ โอซาก้า ที่ได้ชื่อเล่นว่าเป็นเมืองหลวงแห่งคันไซ โอซาก้าในอดีตมีภาพลักษณ์เป็นเมืองแห่งการค้า และในความเป็นจริงก็เป็นจุดที่ธุรกิจเฟื่องฟูมากเช่นเดียวกัน นอกจากสภาพเศรษฐกิจจะดีจนบริษัทใหญ่ๆ แทบทุกแห่งต้องมาลงทุนแล้ว ที่นี่ยังมีอัตราการจ้างงานสูงและพนักงานที่มีความชำนาญเป็นอย่างมากอีกด้วย

นอกจากจะเป็นเมืองแห่งการค้าแล้ว การเดินทางข้ามจังหวัดและการเดินทางภายในโอซาก้าก็สะดวกมากเช่นกัน เพราะมีทั้งระบบขนส่งสาธารณะที่ทั่วถึงและสนามบินนานาชาติ ในแง่วัฒนธรรมก็โดดเด่นสมชื่อศูนย์กลางวัฒนธรรมของคันไซสมัยใหม่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ วัฒนธรรมด้านอาหารการกินที่ไม่ได้เป็นแค่ ‘ที่สุด’ ของประเทศญี่ปุ่น แต่ยังเป็นที่สุดของโลกด้วย

สถิติน่ารู้:

  • จำนวนประชากร: 2,751,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 12.1 ล้าน)
  • ความหนาแน่น: 12,200/km2
  • ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 5%

3. ฟุกุโอกะ – เมืองแห่งความเยาว์วัย

Momochi beach, Fukuoka
kai keisuke / Shutterstock

ฟุกุโอกะ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู และใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ เป็นเมืองที่กำลังเติบโตอย่างสมดุล ได้รับคะแนนการประเมินสูงในทุกหัวข้อ มีธุรกิจที่กำลังเติบโตซึ่งเน้นไปที่การสนับสนุน Start-Up และเป็นเมืองเดียวในญี่ปุ่นที่มี Start-Up Zone ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานก็สามารถหาโอกาสก้าวหน้าด้านอาชีพได้ที่ฟุกุโอกะ ที่นี่มีอัตราการเกิดบริษัทใหม่มากที่สุด ทั้งยังมีการช่วยลดภาระด้านภาษีและให้บริการที่ปรึกษาฟรีสำหรับผู้ที่ต้องการจะเริ่มต้นธุรกิจ นอกจากนี้ การเดินทางทั้งภายในและนอกเมืองก็สะดวก แถมยังมีสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยด้วย

สถิติน่ารู้:

  • จำนวนประชากร: 1,603,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 2.5 ล้าน)
  • ความหนาแน่น: 4,600/km2
  • ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 8%

4. โยโกฮาม่า – เมืองสุดมีสไตล์

Yokohama bay
simpletun / Shutterstock

โยโกฮาม่า เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น แม้จะอยู่ใกล้กับโตเกียวมากแต่ก็แทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย โยโกฮาม่ามุ่งเน้นจะเป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมเยียนประเทศญี่ปุ่น จึงมีสถาบันทางวัฒนธรรม และการโปรโมทในสื่อโซเชียล มีเทศกาลต่างๆ ให้เข้าร่วมตลอดทั้งปี และยังมีระบบขนส่งที่สะดวกไม่เป็นสองรองใครเนื่องจากอยู่ใกล้กับเขตโตเกียวด้วย ในด้านการศึกษาเองก็เข้มแข็งไม่แพ้เมืองอื่นเลย เพราะมีมหาวิทยาลัยรัฐ 4 แห่ง และมหาวิทยาลัยเอกชนอีกถึง 21 แห่ง

สถิติน่ารู้:

  • ประชากร: 3,756,000
  • ความหนาแน่น: 8,500/km2
  • ค่าครองชีพ: ใกล้เคียงกับโตเกียว

5. นาโกย่า – ทางแพร่งแห่งเกาะญี่ปุ่น

Nagoya sign
eltonmaxim / Shutterstock

นาโกย่า ตั้งอยู่กึ่งกลางประเทศญี่ปุ่น จึงเป็นเหมือนศูนย์กลางการขนส่งระหว่างภูมิภาคคันไซ (โอซาก้า เกียวโต และโกเบ) กับภูมิภาคคันโต (โตเกียวและโยโกฮาม่า) สามารถเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เครื่องบิน หรือเรือโดยสาร นาโกย่าจึงโดดเด่นในเรื่องธุรกิจและการศึกษาเป็นอย่างมาก หากใครกำลังมองหาที่เรียนสำหรับศึกษาต่อหรือสถานที่เริ่มต้นธุรกิจ สภาพเศรษฐกิจของนาโกย่าก็นับว่าเหมาะสมทีเดียว

สถิติน่ารู้:

  • จำนวนประชากร: 2,328,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 10.2 ล้าน)
  • ความหนาแน่น: 7,100/km2
  • ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 6%

6. โกเบ – เมืองท่าโบราณ

Kobe port
Sean Pavone / Shutterstock

อีกเมืองหนึ่งที่มีกำลังในด้านต่างๆ อย่างสมดุลก็คือ โกเบ ที่มีทั้งเศรษฐกิจอันเข้มแข็งและร่องรอยของวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ สามารถเดินทางไปยังโอซาก้าและพื้นที่ในแถบคันไซได้อย่างสะดวกสบาย แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงสมาคมผู้อยู่อาศัยที่กระตือรือร้นและพื้นที่สีเขียวซึ่งนับว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ทั่วไป และในแง่เศรษฐกิจ ทางโกเบก็มีการก่อร่างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการจัดงานประชุมเสวนาและนิทรรศการต่างๆ นอกจากนี้ การเป็นเมืองท่ามาแต่ในอดีตก็ส่งผลให้โกเบในปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลางทางการค้าที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งอีกด้วย

ในเชิงวัฒนธรรม โกเบจะเป็นที่รู้จักจากเนื้อวัวคุณภาพสูงและเป็นเมืองที่เด่นในด้านแฟชั่น อีกทั้งด้วยอิทธิพลจากชาวอเมริกันและชาวยุโรปที่เข้ามาอาศัยอยู่ในโกเบหลังมีการเปิดท่าในปี ค.ศ. 1868 ก็ทำให้ภายในเมืองมีรูปแบบของสถาปัตยกรรมจากต่างแดน อย่างบ้านสไตล์ต่างชาติที่มักไม่ค่อยเห็นกันในญี่ปุ่นให้ได้ชมกันเพลินๆ ด้วย

สถิติน่ารู้:

  • จำนวนประชากร: 1,517,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 2.4 ล้าน)
  • ความหนาแน่น: 2,700/km2
  • ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 3%

7. เซนได – เมืองแห่งต้นไม้

Aoba castle, Sendai
hiroyuki_K / Shutterstock

เมืองแห่งต้นไม้ เซนได เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ทางเหนือของโตเกียว และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ เซนไดเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่น่าอยู่อาศัย ระบบของทางการก็มุ่งเน้นสวัสดิการ สิ่งอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยของผู้อาศัย นอกจากนี้ ยังมีชื่อเสียงเรื่องพื้นที่สีเขียวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นถนนที่เรียงรายด้วยต้นไม้หรือสวนสาธารณะภายในเขตนคร ต้นไม้เหล่านี้มักได้ใช้ประโยชน์เมื่อมีการจัดงานเทศกาลต่างๆ อย่างเทศกาลทานาบาตะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและการประดับไฟช่วงฤดูหนาว ด้านการศึกษาก็มีทั้งสถาบันวิจัยสำคัญๆ และนักเรียนนักศึกษาวัยใสจำนวนมากอาศัยอยู่ หากกำลังตามหาที่เรียนต่อก็ต้องที่นี่เลย

สถิติน่ารู้:

  • จำนวนประชากร: 1,092,000 (ประชากรในเขตเมืองที่ใหญ่กว่า: 1.6 ล้าน)
  • ความหนาแน่น: 1,400/km²
  • ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 7%
     

8. คานาซาว่า – เมืองปราสาทดั้งเดิม

Kanazawa castle
mTaira / Shutterstock

เมืองหลวงแห่งจังหวัดอิชิคาว่าและหนึ่งในเมืองที่เล็กที่สุดอย่างคานาซาว่า โดดเด่นในฐานะเมืองปราสาทที่มีทั้งมรดกทางวัฒนธรรมจำนวนมากและสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้อาศัยที่ยอดเยี่ยม ภายในเมืองมีอาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิมอยู่หลายแห่ง เช่น ปราสาทคานาซาว่าที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่บางส่วนและสวนที่อยู่ติดกัน ณ ใจกลางเมือง ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองญี่ปุ่นที่รอดพ้นจากการถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเป็นสถานที่ที่เรายังสามารถเห็นอาคารบ้านเรือนเก่าแก่จากสมัยเอโดะและยุคก่อนหน้านั้นได้อยู่ และก็เป็นสถาปัตยกรรมเหล่านี้เองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากทุกปี อย่างไรก็ตาม คานาซาว่าไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวที่ดีเท่านั้น แต่ยังมีสภาพแวดล้อมที่ดีและปลอดภัยเหมาะแก่การอยู่อาศัยอีกด้วย

สถิติน่ารู้:

  • จำนวนประชากร: 462,000
  • ความหนาแน่น: 990/km²
  • ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 4%

9. ซัปโปโร – นครหลวงแห่งญี่ปุ่นตอนเหนือ

Red Brick Office, Sapporo
Supachai Panyaviwat / Shutterstock

ซัปโปโรตั้งอยู่จุดเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและธุรกิจของฮอกไกโด มีชื่อเสียงจากวัฒนธรรมที่เข้มแข็งอย่างการจัดเทศกาลหิมะฮอกไกโด (Hokkaido Snow Festival) ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในและนอกประเทศกว่าหลักล้านในทุกๆ ปี นอกจากนี้ยังโดดเด่นในด้านเศรษฐกิจด้วยมีสถาบันวิจัยที่ส่งเสริมด้านการเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจ หากใครสนใจเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ใน 4 ฤดูกาลก็ขอแนะนำให้ย้ายไปยังซัปโปโร ฤดูร้อนของที่นี่จะเย็นสบายกว่าเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นในญี่ปุ่น และในช่วงฤดูหนาวก็มีกีฬาอย่างสกีหรือสโนว์บอร์ดให้เล่นอีกด้วย

สถิติน่ารู้:

  • จำนวนประชากร: 1,973,000 
  • ความหนาแน่น: 1,700/km²
  • ค่าครองชีพ: ต่ำกว่าโตเกียว 5%

10. มัตสึโมโตะ – เมืองที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ

Matsumoto castle

ในบรรดาเมืองที่เราหยิบยกมานี้ มัตสึโมโตะเป็นเมืองที่เล็กที่สุด เมืองนี้เป็นเมืองปราสาทเช่นเดียวกับคานาซาว่า และขึ้นชื่อในด้านสภาพแวดล้อมด้วยเป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาญี่ปุ่นในจังหวัดนากาโนะ มัตสึโมโตะเป็นหนึ่งในเมืองที่สะอาดที่สุดในญี่ปุ่น สามารถหาทางไปยังสวนสาธารณะหรือภูเขารอบๆ ได้ไม่ยาก และยังเป็นเมืองที่อยู่อาศัยง่ายเพราะที่พักราคาค่อนข้างถูก แถมยังมีหน่วยบริการด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เมื่อรวมกับการที่มีมรดกโลกตั้งอยู่ด้วยแล้ว มัตสึโมโตะก็เป็นเมืองที่สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติได้ราวกับอยู่ชนบทเลยทีเดียว

สถิติน่ารู้:

  • จำนวนประชากร: 240,000
  • ความหนาแน่น: 240/km²
  • ค่าครองชีพ: ไม่มีข้อมูล

เมืองที่เด่นเป็นที่สุดในแต่ละด้าน

เมื่อลองดูการให้คะแนนในแต่ละหัวข้อ เราก็จะเห็นได้ว่าเมืองไหนเหนือกว่าเมืองไหนด้านใดบ้าง รวมถึงเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นด้วย

ด้านธุรกิจ

Downtown Osaka
Sirkunkrittaphuk / Shutterstock

โอซาก้า

ในด้านเศรษฐกิจและการทำธุรกิจนอกกรุงโตเกียว ก็คงจะไม่มีที่ไหนเหนือไปกว่าโอซาก้าซึ่งทำคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างฟุกุโอกะไปไกล ในโอซาก้ามีบริษัทใหญ่ๆ จากหลากหลายเชื้อชาติและสถาบันการเงินตั้งอยู่เป็นจำนวนมากสมกับเป็นเมืองอันดับ 2 และยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของญี่ปุ่น หากคุณกำลังหางานทำนอกโตเกียว โอซาก้าก็เป็นตัวเลือกที่มองข้ามได้ยากทีเดียว

ด้านการวิจัย/การศึกษา

Kyoto University
soraneko / Shutterstock

เกียวโต

เกียวโตเป็นที่รู้จักดีในแง่ของปริมาณและคุณภาพสถานศึกษา ด้วยสถานศึกษากว่า 40 แห่ง จึงไม่แปลกเลยที่จะได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการศึกษาของญี่ปุ่น นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยเกียวโตหรือสถาบันเทคโนโลยีเกียวโต (Kyoto Institute of Technology) ก็เป็นหนึ่งในสถานศึกษาที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นด้วย และยังมีมหาวิทยาลัยต่างชาติหลายแห่งที่มีสาขาในเกียวโต เช่น Stanford ที่มีโปรแกรมการเรียนหลากหลายรูปแบบที่จัดโดยมหาวิทยาลัยเกียวโตให้เข้าศึกษาอีก

ด้านวัฒนธรรม

Yasaka pagoda, kyoto
Yulia Grigoryeva / Shutterstock.com

เกียวโต

เมืองที่เป็นที่สุดในด้านนี้คงหนีไม่พ้นเกียวโตซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยมีจังหวัดบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างโอซาก้าตามมาติดๆ เกียวโตเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดและได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ในบริเวณมีวัดพุทธศาสนาอยู่กว่า 1,600 แห่ง ศาลเจ้าชินโตกว่า 400 แห่ง รวมถึงสวนและอาคารที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ทั้งยังมีอิทธิพลด้านวัฒนธรรมต่อบริเวณอื่นๆ ในญี่ปุ่นอีกด้วย สำหรับใครที่ชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็ต้องแวะไปเยี่ยมเยียนให้ได้สักครั้ง

ด้านวิถีชีวิตชุมชน

Fall leaves in Toyota
TRAN CONG PHUC / Shutterstock

โตโยต้า

การแข่งขันในด้านนี้ค่อนข้างสูสี โดยเมืองโตโยต้าในจังหวัดไอจิเอาชนะเซนไดและคุมาโมโตะไปเพียงไม่กี่คะแนนเท่านั้น โตโยต้าเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท Toyota Corporation และได้รับการขนานนามเป็นพื้นที่ที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดเนื่องจากมีสวัสดิการสนับสนุนครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูบุตรหลานเป็นอย่างดี ทั้งยังมีดัชนีสุขภาพของประชากรสูงที่สุด และมีจำนวนผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดน้อยที่สุดอีกด้วย แม้ตัวเมืองโตโยต้าเองจะไม่ได้อยู่ในอันดับท็อป 10 แต่ก็ยังอยู่ในอันดับที่ 13 ด้วยคะแนนสูงลิบในด้านธุรกิจและคุณภาพชีวิตนั่นเอง

ด้านสิ่งแวดล้อม

Matsumoto castle
Nicholas Courtney / Shutterstock

มัตสึโมโตะ

มัตสึโมโตะเอาชนะยามากุจิและได้กลายเป็นเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น ตัวเมืองล้อมรอบด้วยภูเขาและสวนสาธารณะ จึงขึ้นชื่อเรื่องอากาศบริสุทธิ์และการเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างง่ายดาย

ด้านการเดินทาง

Osaka highway
Avigator Fortuner / Shutterstock

โอซาก้า

เมืองหลวงแห่งคันไซเอาชนะนาโกย่าและฟุกุโอกะมาได้อย่างฉิวเฉียด โอซาก้าไม่เพียงมีระบบการขนส่งสาธารณะที่เป็นรองเพียงโตเกียว แต่ยังมีสนามบินถึง 2 แห่งและบริการเรือโดยสารไปยังต่างประเทศอีกด้วย การเดินทางภายในและไปภายนอกโอซาก้าจึงง่ายมากๆ

เมืองสำหรับคนโสด

Ramen in Fukuoka
masary78 / Shutterstock

ฟุกุโอกะ

ฟุกุโอกะเป็นที่หนึ่งในฐานะเมืองสำหรับคนโสด แต่ก็ได้คะแนนสูงกว่านาโกย่าและคุมาโมโตะเพียงนิดเดียวเท่านั้น ด้วยความที่เป็นเมืองที่เจริญเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ฟุกุโอกะมีค่าเฉลี่ยอายุประชากรน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ และยังมีชาวต่างชาติทำงานและอาศัยอยู่จำนวนมากด้วย

เมืองสำหรับครอบครัว

Mount Tateishi, Fukuoka
Matthieu Tuffet / Shutterstock

ฟุกุโอกะ

หากต้องการจะอาศัยเป็นครอบครัว ฟุกุโอกะก็เป็นที่ที่เหมาะสมเช่นกัน ตามมาติดๆ ด้วยเซนไดกับมัตสึโมโตะ ซึ่งเหตุผลก็เหมือนกับข้อก่อนหน้านี้ คือ ฟุกุโอกะมีกลุ่มประชากรที่อายุน้อยและขยายตัวเร็ว เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงเสมอ รวมถึงมีวัฒนธรรมที่กำลังเติบโตด้วย

เมืองสำหรับนักท่องเที่ยว

Kyomizu temple, Kyoto
jannoon028 / Shutterstock

เกียวโต

ในด้านการท่องเที่ยวก็แน่นอนว่าไม่มีที่ไหนล้มเกียวโตได้ เพราะมีคะแนนนำโอซาก้าและโยโกฮาม่ามากพอสมควร เกียวโตเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดกว่า 1,000 แห่ง ศาลเจ้ากว่า 500 แห่ง รวมถึงมรดกโลกและแลนด์มาร์คทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นหรือชาวต่างชาติ หากต้องการจะเที่ยวญี่ปุ่นก็จะตัดเกียวโตออกไปไม่ได้เลย

แล้วคุณล่ะอยากอยู่ในเมืองแบบไหน?

Shibuya crossing, Tokyo
Thomas La Mela / Shutterstock

นอกจากเมืองที่เรารู้จักกันดีอย่างโตเกียวแล้ว ในประเทศญี่ปุ่นก็ยังมีที่ที่น่าลงหลักปักฐานอีกมากมาย จึงไม่จำเป็นเลยที่จะจำกัดตัวเองอยู่ในเมืองเมืองเดียว หลายเมืองที่เราพูดถึงในวันนี้อาจจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของใครหลายๆ คนที่แตกต่างกันออกไป ออกไปสำรวจตัวเลือกต่างๆ แล้วหาเมืองที่ชอบกันดีกว่า!

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

Oyraa
1 Shares: