เลือกเตียงที่ญี่ปุ่นอย่างไรดี? มาหาเตียงที่ใช่ของคุณกัน!

แนะนำวิธีเลือก “เตียงนอน” ในญี่ปุ่น ประเภท รวมถึงแหล่งซื้อ เพื่อการนอนสุดฟินในทุกๆ คืนของคุณ!
Oyraa

ในที่สุดก็ได้มาอยู่ญี่ปุ่นซะที! พอหาอพาร์ตเมนต์ดีๆ ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการซื้อข้าวของเครื่องใช้ แน่นอนว่าหนึ่งในลิสต์ของใช้จำเป็นอันดับต้นๆ คงไม่พ้นเตียงใหม่ แต่ถ้าลองค้นรูปเตียงในญี่ปุ่นก็อาจจะเจอแต่รูปฟุตง หรือฟูกนอนพื้นแบบญี่ปุ่นเต็มไปหมด แต่ความจริงแล้วนอกจากฟุตงก็ยังมีเตียงอีกหลายประเภทที่เหมาะกับห้องแบบต่างๆ ดังนั้นไม่ว่าห้องคุณจะเป็นแบบไหน จะปูด้วยเสื่อทาทามิ หรือเป็นพื้นพรมก็ตาม ในบทความนี้เรามาจะแนะนำเตียงยอดนิยมในญี่ปุ่นทั้ง 5 แบบ และร้านดีๆ สำหรับซื้อเตียงใหม่ของคุณกัน! 

1. “ฟุตง” ฟูกนอนพื้นแบบญี่ปุ่น

Traditional Japanese Shiki Futon
Theerakit / Shutterstock.com

เมื่อพูดถึงฟุตง คนที่ชินกับคำภาษาอังกฤษอาจจะนึกถึงฟูก (Futons) ที่เป็นเบาะบางๆ ไว้รองที่นั่งโซฟาแบบพับได้ แต่คำว่าฟุตงในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงที่นอนแบบปูนอนบนพื้นโดยตรง และนับว่าเป็นหนึ่งในภาพจำอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าฟุตงจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบ้านญี่ปุ่นสมัยใหม่แล้ว แต่ก็ยังนับว่าหาซื้อได้ง่าย และเห็นได้บ่อยตามเรียวกัง (โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม) ราคาชุดฟุตงจะเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 เยน ซึ่งถือว่าไม่แพงมาก จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีงบจำกัด

ฟุตงทำจากผ้าฝ้าย 100% และประกอบด้วย 5 ส่วนดังนี้:

  • ฟูกนอน (Shikibuton: 敷き布団)
  • ผ้าปูที่นอน (Shiitsu: シーツ)
  • ผ้านวม (Kakebuton: 掛け布団)
  • ปลอกผ้านวม
  • ผ้าห่ม (Mofu: 毛布)

วิธีปูฟุตง

ฟุตงต่างจากเตียงสไตล์ตะวันตกตรงที่ไม่ต้องใช้โครงเตียงและปูลงบนพื้นโดยตรงได้เลย การปูฟุตงก็ง่ายมาก (เรามีการ์ตูนน่ารักๆ สอนวิธีปูฟุตงด้วยนะ!) ขั้นแรกให้วางฟูกนอน (shikibuton) ลงบนพื้น แล้วกางผ้าปูที่นอนด้านบนฟูกแล้วพับเก็บผ้าส่วนเกินไว้ด้านล่างฟูก จากนั้นก็คลุมผ้านวมด้วยปลอกผ้านวมแล้ววางด้านที่มีช่องรูปวงรีขึ้นด้านบนให้เห็นลายผ้านวมเป็นอันเสร็จ!

Futon in tatami room

สำหรับหมอนนั้น หมอนแบบญี่ปุ่นมักจะใส่ลูกปัดไว้ด้านใน ทำให้ทรงหมอนพอดีกับคอและศีรษะ ช่วยให้นอนหลับสบาย โดยปกติฟุตงจะปูบนเสื่อทาทามิมากกว่าบนพื้นไม้ เพราะเสื่อนุ่มกว่าและรองรับน้ำหนักได้ดีกว่านั่นเอง

Folded Japanese Futon
NikoX2 / Shutterstock.com

ช่วงกลางวันที่ไม่ได้ใช้ฟุตงก็ควรพับเก็บฟุตงขึ้นเพื่อไม่ให้ฟุตงเปื้อนและจับฝุ่น นอกจากนี้การพับเก็บฟุตงก็ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ในห้องระหว่างวันอีกด้วย หลายๆ คนอาจสงสัยว่าปูนอนบนพื้นแบบนี้จะสบายไหม แต่บอกได้เลยว่านอนสบายกว่าที่คิดมาก แต่ถ้าห้องเป็นพื้นไม้หรือถ้าอยากให้นอนสบายขึ้นอีกนิด การเพิ่มฟูกนอนแบบพับสามทบได้เข้าไปก็เป็นหนึ่งวิธีแนะนำ ทั้งสบายและเพิ่มการรองรับเป็นพิเศษ แถมยังพับเก็บได้สะดวกมากๆ อีกด้วย

2. “โซฟาเบด” (Sofa Bed) โซฟาแบบปรับนอนได้

Japanese sofa bed
Studio Light and Shade / Shutterstock.com

สำหรับใครที่อาศัยในห้องเช่าขนาดเล็ก โซฟาเบดหรือโซฟาปรับนอนจัดเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โซฟาเบดคล้ายกับเตียงสไตล์ตะวันตกตรงที่สามารถใช้เป็นทั้งที่นอนและที่นั่งเล่นได้ และถ้าไม่นับแบบที่มีดีไซน์หรูหรา โซฟาเบดก็มีราคาเริ่มต้นแค่ 5,000 เยนเท่านั้น

โดยโซฟาเบดที่ราคาแพงขึ้นมาก็จะขึ้นกับดีไซน์ ความนุ่มสบาย และวิธีการจัดเก็บ การใช้โซฟาเบดจะช่วยประหยัดพื้นที่ในอะพาร์ตเมนต์ แต่ก็ต้องระวังไว้สำหรับคนที่สูงเกิน 160 ซม. ว่าอาจจะนอนไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่นัก

3. “เตียงทาทามิ” (Tatami platform bed)

Tatami Bed
Scott-lee / Shutterstock.com

เตียงทาทามิเป็นการผสมผสานระหว่างที่นอนสไตล์ตะวันตกกับฟุตงแบบญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกของการตกแต่งที่ทันสมัยแต่ก็ยังคงกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอยู่ เตียงทาทามิต่างจากเตียงสไตล์ตะวันตกตรงที่มีโครงต่ำถึงพื้น และโครงด้านในที่ปกติจะทำจากไม้ก็มาใช้ไม้ไผ่ทาทามิแทน

ราคาโครงเตียงเริ่มต้นที่ 15,000 เยน และจะแพงขึ้นตามขนาดและดีไซน์ ทั้งนี้แม้ว่าโครงเตียงจะใช้ได้กับทั้งฟุตงแบบญี่ปุ่นและฟูกนอนสไตล์ตะวันตก แต่ฟูกนอนสไตล์ตะวันตกก็ยังคงเป็นที่นิยมมากกว่า

4. เตียงสไตล์ตะวันตก

Western Bed
PIXTA

เตียงสไตล์ตะวันตกเป็นประเภทเตียงที่นิยมใช้กันมากที่สุดในญี่ปุ่น โครงเตียงนั้นราคาค่อนข้างแพง ขนาดแบบพื้นฐานที่สุดก็ยังเริ่มต้นที่ 20,000 เยน แต่ถึงราคาจะสูง ก็ใช้งานได้ยาวนาน และมีพื้นที่ใส่ของเพิ่มเข้ามาให้อีกนิดๆ หน่อยๆ ด้วย

เมื่อเทียบกับฟูกนอนแบบญี่ปุ่น (Shikifuton) ที่มีขนาดค่อนข้างเป็นมาตรฐานเดียวกันแล้ว เตียงสไตล์ตะวันตกมีขนาดที่หลากหลายกว่ามาก โดยมีทั้งเตียงแฝด (twin bed) เตียงกึ่งคู่ (semi-double bed) เตียงคู่ (double bed/full bed) เตียงควีนไซส์ (queen size bed) และเตียงคิงไซส์ (king size bed)

5. “ฟูกอาชิสึกิ” (Ashitsuki Mattress) ฟูกนอนแบบมีขา

อาชิสึกิ แปลว่า “เพิ่มขาเข้ามา” หรือ “มีขา” ดังนั้น ฟูกอาชิสึกิ จึงเป็นฟูกแบบที่มีขาเตียงติดอยู่กับตัวฟูกทั้ง 4 มุม และเพราะมีขาเตียงติดมากับฟูกอยู่แล้วจึงไม่ต้องเสียเงินไปกับค่าโครงเตียงอีก เตียงแบบนี้จึงเหมาะกับคนที่มีงบจำกัด แต่ก็ยังอยากได้ความสบายแบบเตียงสไตล์ตะวันตกอยู่ ขาเตียงที่ติดมาด้วยจะทำให้ที่นอนสูงขึ้นมาจากพื้นซึ่งช่วยให้บ้านดูมีพื้นที่มากขึ้น และถ้าในอนาคตอยากจะซื้อโครงเตียงมาใช้แทน ก็สามารถถอดขาเตียงออกให้เหลือแต่ตัวฟูกได้

ถึงแม้ว่าฟูกอาชิสึกิจะถูกกว่าเตียงแบบมีโครง แต่ก็ไม่ได้มีพื้นที่ใต้เตียงมากนัก แถมยังมีเสียงบ่นมาว่าพอซื้อเตียงแล้วก็ต้องซื้อผ้าปูที่นอนจากร้านเดียวกันเท่านั้น เพราะของจากร้านอื่นอาจมีขนาดไม่พอดีกับเตียงที่ซื้อมา แต่โดยปกติแล้วเตียงก็จะเป็นขนาดมาตรฐานญี่ปุ่นทั่วไป ซึ่งได้แก่ เตียงเดี่ยว เตียงกึ่งคู่ เตียงคู่ และแบบอื่นๆ ด้วย ดังนั้นความจริงแล้วก็สามารถใช้ผ้าปูเตียงจากร้านอื่นๆ ที่มีขนาดเดียวกันได้

ขนาดเตียง

View of bed from above
Dima Moroz / Shutterstock.com

ขนาดเตียงของญี่ปุ่นและอเมริกามีความแตกต่างกันเล็กน้อย ขนาดมาตรฐานสำหรับเตียงอเมริกามีดังนี้
– เตียงแฝด (99×191 ซม.)
– เตียงคู่ (137×191 ซม.)
– เตียงควีนไซส์ (152×203 ซม.)
– เตียงคิงไซส์ (193×203 ซม.)

แต่เนื่องจากอพาร์ตเมนต์ญี่ปุ่นมีขนาดเล็ก เตียงมาตรฐานในญี่ปุ่นจึงมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยโดยทั้งฟูกปกติและฟูกอาชิสึกิก็จะมีขนาดดังนี้
– เตียงเดี่ยว (97×195 ซม.)
– เตียงกึ่งคู่ (120×195 ซม.)
– เตียงคู่ (140×195 ซม.)
– เตียงควีนไซส์ (152×195 ซม.)
– เตียงคิงไซส์ (180×195 ซม.)
โดยเตียงเดี่ยวหรือเตียงกึ่งคู่จะเป็นขนาดที่พอเหมาะสำหรับอพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอน

ซื้อเตียงที่ไหนดี

Nitori-Store
Hu Siyuan / Shutterstock.com

ในญี่ปุ่นมีร้านมากมายที่รวบรวมเตียงทุกแบบไว้ให้เลือกซื้อ โดยร้านยอดนิยม 2 แห่ง คือ มูจิ (Muji) และ นิโตริ (Nitori) มูจิเป็นที่รู้จักในเรื่องดีไซน์ที่เรียบง่าย และอาจจะไม่ได้ขายของในราคาถูกนัก แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อเทียบกับแบรนด์และร้านบูติก (ร้านขนาดเล็กที่จำหน่ายสินค้านำสมัยหรือให้บริการแบบพิเศษ) ที่เป็นที่รู้จักอื่นๆ

นิโตริคล้ายกับมูจิตรงที่มีเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เรียบง่ายให้เลือกซื้อมากมายแต่ราคาถูกกว่ามาก ไอเกีย (Ikea) เองก็เริ่มได้รับความนิยมในญี่ปุ่นมากขึ้น ด้วยดีไซน์แบบตะวันตกและอาหารก็อร่อย สำหรับคนที่กำลังหาเฟอร์นิเจอร์ดีๆในราคาที่เหมาะสม ทั้งไอเกียและนิโตริก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว

Beds lined up in Home Center
PIXTA

สำหรับคนที่ไม่ชอบไปดูของที่ร้าน ก็สามารถเลือกของจากร้านขายปลีกอย่าง Rakuten และ Amazon Japan ได้เช่นกัน สินค้าจากทั้งสองที่มีตั้งแต่ราคาย่อมเยาไปจนถึงราคาสูง และการจัดส่งจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ Amazon Japan นั้นใช้งานง่ายทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น จึงเหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานเป็นภาษาอังกฤษ

Rakuten เป็นที่นิยมมากในหมู่ลูกค้าชาวญี่ปุ่น เนื่องจากเว็บไซต์มีชุดเครื่องนอนหลากหลายให้เลือกซื้อในราคาที่เหมาะสม และถ้าโชคดีก็อาจเจอสินค้ามือสองดีๆ ได้เหมือนกัน แต่ Rakuten ไม่มีเว็บไซต์และคู่มือประกอบเฟอร์นิเจอร์เป็นภาษาอังกฤษ จึงประกอบด้วยตัวเองยากถ้าไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น

ร้านขายของมือสอง

Second-Street-Store
VTT Studio / Shutterstock

ในประเทศฝั่งตะวันตกคนจะระวังมากเป็นพิเศษเมื่อต้องซื้อของมือสอง แต่ในญี่ปุ่นร้านขายของมือสองกลับเป็นที่แรกๆ ที่คนจะเข้าไปเลือกซื้อ เพราะสินค้ามือสองในญี่ปุ่นมักได้รับการดูแลอย่างดี และหาซื้อของในสภาพเหมือนใหม่ได้ง่าย

ร้านขายของมือสองที่เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น ได้แก่ Off-House และ 2nd Street โดย Off-House จะขายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องครัว ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ ส่วน 2nd Street จะเน้นไปทางเสื้อผ้า แต่ก็มีขายเฟอร์นิเจอร์เหมือนกันถึงจะมีให้เลือกน้อยกว่า Off-House ก็ตาม

สรุปส่งท้าย

ไม่มีเตียงแบบไหนที่เหมาะกับห้องไปซะทุกแบบ ดังนั้นเพื่อให้ได้เตียงที่คุณพอใจทั้งราคาและการใช้งาน ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงรูปแบบห้องและลักษณะการนอนที่คุณต้องการด้วย สุดท้ายนี้ เราก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้เจอเตียงที่ใช่สำหรับคุณนะ!

เครดิตภาพปกจาก: Scott-lee / Shutterstock.com

หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

Oyraa
1 Shares: