ความสุขในญี่ปุ่น หาได้ที่ “คิวชู”!

Oyraa

หลายๆ ประเทศกำลังประสบปัญหาประชากรในชนบทลดจำนวนลง เนื่องจากคนหนุ่มสาวนิยมย้ายไปอาศัยในเมืองใหญ่มากขึ้น ญี่ปุ่นก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าประชากรญี่ปุ่นจะกำลังลดลงเรื่อยๆ แต่ประชากรเมืองโตเกียวก็ยังเพิ่มขึ้นราว 7 หมื่นคนทุกปี โดยเฉพาะคนที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการทำงานหรือพบปะผู้คนที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม จากรายงานของ The Brand Research Institute พบว่าชีวิตในโตเกียวไม่ใช่ชีวิตที่มีความสุขกว่าจังหวัดอื่นเสมอไป และหากจัดลำดับจังหวัดที่ประชากรมีความสุขที่สุดแล้ว โตเกียวก็อยู่เพียงกลางๆ เท่านั้น ไปดูลำดับทั้งหมดพร้อมคำอธิบายกันเลยค่ะ!

การวัดระดับความสุข

The Brand Research Institute เป็นกลุ่มกลยุทธ์การตลาดที่เน้นพื้นที่ในส่วนภูมิภาค ทางสถาบันเพิ่งปล่อยรายงานประจำปีฉบับที่ 2 ซึ่งว่าด้วยเรื่อง Regional SDGs (เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในส่วนภูมิภาค) ออกมา ซึ่งในนี้ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับการจัดอันดับความสุขด้วย! ที่จริงแล้ว ความสุขเป็นสิ่งที่วัดได้ยากมากๆ แถมยังเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละคนอีก ดังนั้น นักวิจัยจึงเพียงแต่ถามผู้เข้าร่วมในกลุ่มสำรวจว่า “คุณมีความสุขหรือไม่ ? ” ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นจะพูดว่า あなたは幸せですか (Anata wa shiawase desu ka?) คำว่า 幸せ (Shiawase) นี้สื่อถึงความสุขในความหมายที่ลึกซึ้งกว่าการมีความสุขแบบสดชื่นสดใสในแต่ละวัน) ซึ่งผู้เข้าร่วมจะสามารถตอบได้ว่า “มีความสุข – ค่อนข้างมีความสุข – เฉยๆ – ไม่มีความสุขเท่าไร – ไม่มีความสุขเลย” จากนั้น คำตอบแต่ละแบบก็จะถูกแปลงเป็นคะแนนโดยเรียงตั้งแต่ 100, 75, 30, 15 และ 0 ตามลำดับ

PIXTA

จากการสำรวจพบว่า 24.5% ของคนทั้งประเทศตอบว่ามีความสุขมาก ในขณะที่ 36.4% ตอบว่ารู้สึกค่อนข้างมีความสุข เมื่อนำมารวมกันก็จะได้เป็น 60.9% ตัวเลขนี้มีผลมาจากคำตอบของบรรดาผู้สูงอายุที่กว่า 73% ระบุว่าตนมีความสุข ต่างจากวัยอื่นๆ ที่มีเปอร์เซนต์ต่ำกว่า 60%

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ก็มีผลเช่นกัน เพราะในการจัดอันดับ 14 จังหวัดที่มีดัชนีความสุขสูงที่สุดในญี่ปุ่นนั้น มีจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาคคิวชู (Kyushu) มากถึง 5 จังหวัด ได้แก่ มิยาซากิ (Miyazaki) ครองแชมป์ไปด้วยคะแนน 74 คะแนน ตามด้วยจังหวัดโออิตะ (Oita) ในอันดับที่ 3 , จังหวัดคุมาโมโตะในอันดับ 9, คาโกชิม่า (Kagoshima) ในอันดับที่ 11 และฟูกุโอกะ (Fukuoka) ในอันดับที่ 14

ภูมิภาคโฮคุริคุ (Hokuriku) ก็ออกมาดีเช่นกัน ด้วยการนำจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) อิชิคาวะ (Ishikawa) และโทยามะ (Toyama) ไปติดใน 10 อันดับแรก

แต่ในทางตรงกันข้าม 5 ใน 6 จังหวัดของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) กลับอยู่ใน 10 จังหวัดที่มีดัชนีความสุขต่ำสุดในญี่ปุ่น โดยมีคะแนนต่ำกว่า 63.7 เสียอีก คุณสามารถดูข้อมูลฉบับเต็มได้ในแผนที่ด้านล่างนี้

หากจะให้พูดกันตามตรง ที่จริงแล้วคุณก็ไม่ควรใส่ใจกับลำดับเหล่านี้มากเกินไปนักค่ะ เนื่องจากวิธีที่ใช้ในการสำรวจนี้ คือ การไล่ถามผู้คนจำนวน 340 คนในแต่ละจังหวัด ซึ่งมีเปอร์เซนต์ที่จะเกิดความผิดพลาดได้ถึง 4.5 – 5% ซึ่งในแง่ของการสำรวจแล้วถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควร จริงอยู่ที่คนในภูมิภาคคิวชูมีแนวโน้มจะมีความสุข ในขณะที่คนในภูมิภาคโทโฮคุจะดูหม่นหมองกันหน่อยๆ แต่หากจังหวัดของคุณมีคะแนนมากกว่าหรือน้อยกว่าจังหวัดเพื่อนบ้านเพียงเล็กน้อย คุณก็สามารถมองว่าคะแนนเท่ากันเลยก็ได้ ที่สำคัญคือ อย่าตกใจจนต้องเก็บข้าวของย้ายไปจังหวัดอื่นๆ เพียงเพราะจังหวัดนั้นมีคะแนนความสุขสูงกว่าเชียวนะ!

หากเงินซื้อความสุขไม่ได้ แล้วอะไรล่ะที่ซื้อได้?

ถึงแม้ว่าที่ตั้งทางภูมิศาสตร์จะดูมีผลกับดัชนีความสุขนี้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เราสรุปได้ว่าสิ่งที่เป็นต้นตอของความสุขคืออะไรกันแน่ อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เรารู้อย่างแน่นอน คือ รายได้ไม่มีผลต่อดัชนีความสุข เพราะในเมืองใหญ่ๆ อย่าง โตเกียว, นาโกย่า, โอซาก้าที่เหล่าประชากรมีรายได้สูงเป็นอันดับต้นๆ แต่จังหวัดเหล่านี้กลับมีอันดับในแผนที่ดัชนีความสุขที่สวนทางกัน ในขณะที่จังหวัดที่มีดัชนีความสุขสูงกลับมีรายได้ค่อนข้างต่ำ (ยกเว้นภูมิภาคโทโฮคุที่คะแนนต่ำทั้งดัชนีความสุขและรายได้)

ว่ากันว่าการได้รับแสงแดดน้อยลงก็ส่งผลต่อความสุขของคนได้ แต่ก็ยังไม่มีรูปแบบที่เห็นได้ชัดเจน (สิ่งที่น่าสนใจในจุดนี้ คือ ความจริงแล้วบริเวณตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นเป็นที่ที่ได้รับแสงแดดมากที่สุดล่ะ!) และถึงแม้ทางใต้มีสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าทางเหนืออย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มีอิทธิพลของ “ทะเลญี่ปุ่น” (Sea of Japan) ที่เป็นเหมือนแสงสว่างท่ามกลางความหนาวเย็นอยู่เช่นกัน!

อาจจะเป็นมิยาซากิก็ได้… / Kitinut Jinapuck / Shutterstock.com

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลอีกอย่างหนึ่งที่อยู่ในการสำรวจครั้งนี้ (ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะ) อาจเป็นคำตอบให้คุณได้ ข้อมูลนี้เผยว่าจังหวัดมิยาซากิเป็นจังหวัดที่มีดัชนีความสุขสูงที่สุดในการสำรวจทั้ง 2 ครั้ง ความจริงแล้วประชากรที่นี่ดูเหมือนจะมีปัญหาทางด้านการเงิน (รายได้, เงินเก็บ, หนี้สิน) สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่พวกเขากลับดูจะมีปัญหาส่วนตัวและปัญหาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ (ความเหงา, การเก็บตัว, ความรุนแรงภายในครอบครัว) ค่อนข้างน้อย

ถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลนี้เพียงชุดเดียว แต่ก็พอจะบอกได้ว่าเรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคลนั้นส่งผลต่อความสุขของคนเราได้มากกว่าเงินเสียอีก และนี่ก็เป็นข้อสรุปที่มีงานวิจัยทางสังคมศาสตร์รองรับอยู่มากมาย ดังนั้น แทนที่จะเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่ที่มิยาซากิหลังจากอ่านบทความนี้ เราอยากให้ทุกคนลองหันมาสนใจผู้คนรอบข้างและสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกันดีกว่าค่ะ!

Title image credit: PanKR / PIXTA
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊กได้เลย !

เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่

Oyraa
0 Shares: